ความจำเป็นของถังดักไขมัน
1. ป้องกันการอุดตันของท่อน้ำและระบบระบายน้ำ
คราบไขมันและน้ำมันที่ถูกทิ้งลงในอ่างล้างจานหรืออ่างซิงค์ เมื่อไหลเข้าสู่ท่อน้ำอาจเกิดการสะสมจนทำให้ท่ออุดตัน หากไม่ได้รับการแก้ไข จะทำให้ระบบท่อน้ำเสียหายและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูง
2. ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
การปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนไขมันลงสู่ระบบน้ำในชุมชนหรือแหล่งน้ำธรรมชาติจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันในแหล่งน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำและสิ่งแวดล้อม การใช้ถังดักไขมันช่วยให้ไขมันถูกแยกออกจากน้ำเสียก่อนที่จะเข้าสู่ระบบระบายน้ำ ทำให้ลดการปนเปื้อนและรักษาสภาพแวดล้อมได้
3. ลดภาระระบบบำบัดน้ำเสีย
น้ำเสียที่มีคราบไขมันหรือน้ำมันจะทำให้ระบบบำบัดน้ำเสียต้องทำงานหนักขึ้น การใช้ถังดักไขมันช่วยกรองและแยกคราบไขมันก่อนที่จะเข้าสู่ระบบบำบัด ทำให้ลดภาระของระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางและยืดอายุการใช้งานของระบบไปได้
ประโยชน์ของการติดตั้งถังดักไขมัน
1. ช่วยควบคุมกลิ่นไม่พึงประสงค์
ถังดักไขมันช่วยกักเก็บไขมันและเศษอาหารที่มักทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ การแยกไขมันออกจากน้ำเสียช่วยให้กลิ่นเหม็นจากการสะสมของไขมันลดลง จึงช่วยรักษาบรรยากาศภายในบ้านหรือสถานที่ทำงานให้สดชื่นขึ้น
2. ลดการสะสมของแบคทีเรียและแมลง
คราบไขมันและเศษอาหารที่ตกค้างในท่อระบายน้ำเป็นแหล่งอาหารของแมลงและแบคทีเรียที่ไม่พึงประสงค์ การใช้ถังดักไขมันช่วยป้องกันการสะสมของสิ่งเหล่านี้ ทำให้สภาพแวดล้อมสะอาดและปลอดภัยขึ้น
3. ลดต้นทุนการบำรุงรักษาท่อและระบบระบายน้ำ
การใช้ถังดักไขมันช่วยป้องกันการอุดตันของท่อซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงระบบท่อน้ำและการล้างท่อที่เกิดจากคราบไขมันสะสมในระยะยาว
4. สามารถนำน้ำมันที่กรองออกมาใช้ประโยชน์ได้อีก
ในบางกรณี ไขมันที่สะสมในถังดักไขมันสามารถนำไปใช้ประโยชน์ใหม่ได้ เช่น ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานชีวภาพ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งในการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกถังดักไขมันที่เหมาะสม
ถังดักไขมันมีหลายขนาดและหลากหลายวัสดุ ตั้งแต่ถังสำหรับใช้งานในครัวเรือนจนถึงถังดักไขมันที่ใช้ในโรงงาน ควรเลือกถังที่มีความจุและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับปริมาณน้ำเสียและประเภทของคราบไขมันที่เกิดขึ้นในแต่ละสถานที่ เช่น
สำหรับบ้านพักอาศัย: เลือกถังขนาดเล็กที่รองรับการใช้งานในครัวเรือนทั่วไป
สำหรับร้านอาหาร: ควรเลือกถังดักไขมันขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับไขมันจากการทำอาหารในปริมาณมากได้
สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม: เลือกถังที่มีความทนทานและมีระบบกรองน้ำเสียที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อรองรับปริมาณน้ำเสียจำนวนมาก